คลังสินค้าทั่วไป

6 คลังสินค้าทั่วไป ที่ผู้ประกอบการควรเลือกให้เหมาะสม

คลังสินค้าทั่วไปหรือโกดังสินค้า คือ สถานที่จัดเก็บสินค้าที่เป็นที่ต้องการกลุ่มคนต่าง ๆ เช่น ผู้ผลิต ผู้นำเข้า-ส่งออก ธุรกิจด้านการขนส่ง ธุรกิจค้าปลีก และอื่น ๆ ซึ่งในยุคนี้ก็มีคลังสินค้าเปิดให้เช่าเยอะมาก โดยปกติมักจะเป็นอาคารขนาดใหญ่ ตั้งอยู่นอกเมือง เนื่องจากต้องการพื้นที่จำนวนมากสำหรับจัดเก็บสินค้า และในวันนี้เราก็มี 6 ประเภทคลังสินค้า ซึ่งแต่ละประเภทจะมีความแตกต่างกันอย่างไร? ไปทำความเข้าใจพร้อม ๆ กันเลย 

จำแนก 6 ประเภทคลังสินค้าทั่วไป 

1. โกดังสินค้าแบบส่วนตัว 

เป็นโกดังที่อาจดูแลจัดการโดยผู้ผลิต ผู้จำหน่าย หรืออาจจะเป็นโกดังที่ติดอยู่กับส่วนที่ผลิตสินค้าในโรงงานของผู้ผลิตโดยตรง ใช้สำหรับจัดเก็บสินค้าของผู้จัดจำหน่ายทั้งค้าส่งและค้าปลีกที่อยู่ใกล้กับร้านค้าของตัวเอง  

2. โกดังสินค้าแบบสาธารณะ 

คลังสินค้าทั่วไปประเภทนี้ อยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาลหรือรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเปิดโอกาสให้บริษัทต่าง ๆ เข้ามาจับจองและเช่าพื้นที่สำหรับจัดเก็บสินค้า นับเป็นการสนับสนุนจากรัฐสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ที่อาจมีพื้นที่สำหรับการจัดเก็บสินค้าไม่เพียงพอ 

3. คลังสินค้าทัณฑ์บน 

มีไว้สำหรับสินค้านำเข้าที่รอการตรวจสอบจากศุลกากร ซึ่งจะมีการดูแลจัดการโดยรัฐบาลโดยตรง สำหรับการชำระภาษีของสินค้านำเข้านั้น ๆ ก่อนที่บริษัทจะสามารถดำเนินการเรื่องการขนส่งไปยังสถานที่ต่อไปได้ 

4. ศูนย์กระจายสินค้า 

เป็นคลังสินค้าทั่วไปที่มีขนาดใหญ่ เพื่อรองรับสินค้าจำนวนมาก สำหรับกระจายสินค้าไปยังร้านค้าย่อย ๆ ต่อไป ในแต่ละวันจะมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนสินค้าอย่างรวดเร็ว เช่นนำเข้ามาช่วงเช้าและส่งออกในช่วงบ่าย หรือช่วงเย็นของแต่ละวัน 

5. โกดังสินค้าที่มีการควบคุมอุณหภูมิ 

เหมาะสำหรับสินค้าที่มีความสดใหม่ และต้องรักษาอุณหภูมิ ความชื้น หรือสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม เช่น โกดังสำหรับเก็บดอกไม้ ห้องเย็นสำหรับจัดเก็บอาหารสดหรืออาหารแช่แข็ง 

6. คลังสินค้าแบบบริหารจัดการ 

เป็นที่นิยมสำหรับธุรกิจ e-commerce ต่าง ๆ เพราะนอกจากจะเป็นโกดังสินค้า และยังทำหน้าที่ในการแพ็กสินค้าและจัดส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้า พูดง่าย ๆ ก็คือเหมาะสำหรับผู้ที่อยากขายของออนไลน์แบบไม่ต้องสต๊อกหรือจัดส่งสินค้าเอง 

ต้องยอมรับว่าการมีคลังสินค้าทั่วไปเป็นของตัวเอง ค่อนข้างใช้ทุนที่เยอะพอสมควร ทำให้ผู้ประกอบการหลายคนหันมาเลือกใช้บริการเช่าโกดังสินค้า เนื่องจากจะเข้ามาช่วยในเรื่องของค่าใช้จ่ายด้านพื้นที่และการก่อสร้าง ที่สำคัญคือมีโลเคชั่นที่ดีสำหรับการขนส่งและเคลื่อนย้ายสินค้าที่ตอบโจทย์ หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ต้องการใช้บริการเช่า แนะนำให้เลือกผู้ให้เช่าที่มีมาตรฐาน อาจจะเข้าไปเช็กโกดังด้วยเอง พูดคุยกับเจ้าของ และตรวจสอบสัญญาเช่าให้ดี เพียงเท่านี้ธุรกิจของคุณก็จะราบรื่นและไม่ติดปัญหาใด ๆ อย่างแน่นอน